ค้นหาโอกาสธุรกิจไทยจาก “Internet in China 2025”
เวลาที่โพสต์:17:02, 2-12-2025
แหล่งข่าว:thaibizchina.com

กฤษณะ สุกันตพงศ์ เขียน/Infographic
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC)
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง


กล่าวได้ว่า… “อินเทอร์เน็ต” ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของชาวจีนอย่างมาก “จีน” เป็นประเทศที่มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือที่ภาษาปากเรียกว่า “ประชากรเน็ต” (Netizen) มากที่สุดในโลก เป็นผลมาจากความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม ระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่ครอบคลุมและทันสมัย (สถานีสัญญาณ 5G จำนวน 4.55 ล้านแห่ง และไฟเบอร์ออปติกสู่ชนบท) ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตได้กว้างขวาง แม้ในพื้นที่ชนบท (อัตรการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในชนบท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69.2) กอปรกับความก้าวล้ำทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้ไลฟ์สไตล์ชาวจีนก้าวสู่ ‘ความเป็นดิจิทัล’ มากขึ้น ซึ่งล้วนต้องใช้ “อินเทอร์เน็ต” แทบทั้งสิ้น

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ประชากรเน็ตในจีนมีมากถึง 1,123 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 14.36 ล้านคนจากปลายปี 2567) หรือกว่า 1/5 ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลก และมากกว่าประชากรไทยทั้งประเทศถึง 16 เท่า มีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตร้อยละ 79.7 และประชากรเน็ตเหล่านี้มีสัดส่วนการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟนสูงถึงร้อยละ 99.4 หรือกว่า 1,116 ล้านคน

——————————– ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศและโครงข่ายอินเทอร์เน็ตแห่งชาติจีน (CNNIC)


เบื้องหลังประชากรเน็ตมากกว่า 1,100 ล้านคนในประเทศจีน ไม่ได้หมายถึงจำนวนคอนเทนต์อันมหาศาลแต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมองลึกไปถึงมูลค่าทางธุรกิจ/อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องที่เกิดขึ้นจาก “อินเทอร์เน็ต”

“อินเทอร์เน็ต” เป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้ประเทศจีนก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านธุรกิจ e-Commerce ของโลก เป็นตลาด e-Commerce ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (แซงหน้าสหรัฐอเมริกา) มีจำนวนผู้ใช้งานช้อปปิ้งออนไลน์มากถึง 976 ล้านคน และธุรกิจ e-Commerce มีหนึ่งใน ‘ฟันเฟือง’ ชิ้นสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการบริโภคภายในประเทศ

ณ ปี 2567 “จีน” เป็นตลาดค้าปลีกออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 11 ปีซ้อน มีอัตราการเข้าถึง e-Commerce สูงถึง 47% รายงานของ ebrunระบุว่า ปี 2567 การค้าปลีกออนไลน์ของจีนมีมูลค่าสูงถึง 15.52 ล้านล้านหยวน ขณะที่ตลาดค้าปลีกออนไลน์อันดับ 2 ของโลกอย่าง “สหรัฐอเมริกา” มีมูลค่าค้าปลีกออนไลน์รวม 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.6 ล้านล้านหยวน และมีอัตราการเข้าถึง e-Commerce เพียง 22.7%

——————————– ebrun (亿邦动力) แพลตฟอร์มผู้ให้บริการข้อมูลอีคอมเมิร์ซและข้อมูลอุตสาหกรรมดิจิทัล


ที่สำคัญ ประชากรเน็ตจีนสะท้อนแนวโน้มการก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัย” ของประเทศจีน กล่าวคือ ข้อมูล ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ประชากรเน็ตที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป (Aging Netizen) มีสัดส่วนร้อยละ 33.5 หรือเกือบ 1/3 ของประชากรเน็ตจีน โดยแบ่งเป็นช่วงอายุ 50.59 ปี สัดส่วนร้อยละ 19.1 และช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไป สัดส่วนร้อยละ 14.4

ขณะที่ช่วงอายุ 6-10 ปี มีสัดส่วนร้อยละ 4.9 / ช่วงอายุ 10-19 ปี มีสัดส่วนร้อยละ 13.7  / ช่วงอายุ 20-29 ปี มีสัดส่วนร้อยละ 12.8 / ช่วงอายุ 30 – 39 ปี มีสัดส่วนร้อยละ 18.9 / ช่วงอายุ 40 – 49 ปี มีสัดส่วนร้อยละ 16.3 ของประชากรเน็ตจีน ซึ่งภาคธุรกิจไทยสามารถจำแนกและวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับสินค้าและบริการของตนได้

ชาวจีนหลายวัยเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมยามว่างและกิจกรรมทางสังคมไปอยู่บนโลกเสมือนมากขึ้น ทั้งบนโลกโซเชียลมีเดีย และเกมออนไลน์ และชาวจีนมีพฤติกรรมนิยม “เสพติดสื่อ” สูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะคอนเทนต์ประเภท “วิดีโอสั้น” ที่มีเนื้อหาความยาวน้อยกว่า 5 นาที ข้อมูล ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 พบว่า…

  • ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันส่งข้อความทันที (Instant messaging) มีจำนวน 1,093 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 11.2 ล้านคนจากสิ้นปี 2567) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 97.3 ของประชากรเน็ตจีน

  • ผู้ใช้งานวิดีโอสั้น (Short video) มีจำนวน 1,068 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 28.4 ล้านคนจากสิ้นปี 2567) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 95.1 ของประชากรเน็ตจีน โดยมี Douyin (TikTok เวอร์ชันจีน) และ Kuaishou เป็นแอปพลิคชันเจ้าตลาดในจีน

  • ผู้ใช้งานละครสั้น (Micro drama) มีจำนวน 626 ล้านคนน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 55.8 ของประชากรเน็ตจีน

  • ผู้ใช้งานเกมออนไลน์ มีจำนวน 584 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 26.9 ล้านคนจากสิ้นปี 2567) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 52.0 ของประชากรเน็ตจีน โดยเฉพาะตลาดเกมออนไลน์มีผู้ใช้งานเพศหญิงเติบโตมากถึงร้อยละ 124

  • ผู้ใช้งานสั่งอาหารเดลิเวอร์รี่ (Food delivery) มีจำนวน 569 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50.7 ของประชากรเน็ตจีน โดยตลาดจีนเป็น ‘สมรภูมิ’ ของแอปพลิเคชัน 3 ราย คือ Meituan (美团) / eleme (饿了么) และ JD (京东)

ตัวเลขข้างต้น สะท้อน ‘โอกาสใหม่’ ของภาคธุรกิจไทยในการใช้วิดีโอสั้นเป็น “เครื่องมือทางการตลาด” ที่ใช้ในการสื่อสาร และป้อนสินค้าและบริการให้เข้าถึง/ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เสพสื่อชาวจีนทั้งทางตรงและทางอ้อมได้

แนวโน้มการพัฒนาธุรกิจในจีนที่มุ่งเน้นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากขึ้น เป็น “โอกาสทอง” สำหรับธุรกิจสตาร์ทอัป หรือ SMEs ไทยที่สามารถก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในการเติบโตของการค้าสินค้าและบริการในตลาดที่มีศักยภาพอย่าง “ตลาดจีน”

ข่าวนี้รวบรวมโดย :SHUNNING HUANG