
กฤษณะ สุกันตพงศ์ เขียน/Infographic
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC)
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง
กล่าวได้ว่า… “อินเทอร์เน็ต” ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของชาวจีนอย่างมาก “จีน” เป็นประเทศที่มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือที่ภาษาปากเรียกว่า “ประชากรเน็ต” (Netizen) มากที่สุดในโลก เป็นผลมาจากความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม ระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่ครอบคลุมและทันสมัย (สถานีสัญญาณ 5G จำนวน 4.55 ล้านแห่ง และไฟเบอร์ออปติกสู่ชนบท) ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตได้กว้างขวาง แม้ในพื้นที่ชนบท (อัตรการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในชนบท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69.2) กอปรกับความก้าวล้ำทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้ไลฟ์สไตล์ชาวจีนก้าวสู่ ‘ความเป็นดิจิทัล’ มากขึ้น ซึ่งล้วนต้องใช้ “อินเทอร์เน็ต” แทบทั้งสิ้น
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ประชากรเน็ตในจีนมีมากถึง 1,123 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 14.36 ล้านคนจากปลายปี 2567) หรือกว่า 1/5 ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลก และมากกว่าประชากรไทยทั้งประเทศถึง 16 เท่า มีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตร้อยละ 79.7 และประชากรเน็ตเหล่านี้มีสัดส่วนการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟนสูงถึงร้อยละ 99.4 หรือกว่า 1,116 ล้านคน
——————————– ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศและโครงข่ายอินเทอร์เน็ตแห่งชาติจีน (CNNIC)
เบื้องหลังประชากรเน็ตมากกว่า 1,100 ล้านคนในประเทศจีน ไม่ได้หมายถึงจำนวนคอนเทนต์อันมหาศาลแต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมองลึกไปถึงมูลค่าทางธุรกิจ/อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องที่เกิดขึ้นจาก “อินเทอร์เน็ต”
“อินเทอร์เน็ต” เป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้ประเทศจีนก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านธุรกิจ e-Commerce ของโลก เป็นตลาด e-Commerce ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (แซงหน้าสหรัฐอเมริกา) มีจำนวนผู้ใช้งานช้อปปิ้งออนไลน์มากถึง 976 ล้านคน และธุรกิจ e-Commerce มีหนึ่งใน ‘ฟันเฟือง’ ชิ้นสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการบริโภคภายในประเทศ
ณ ปี 2567 “จีน” เป็นตลาดค้าปลีกออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 11 ปีซ้อน มีอัตราการเข้าถึง e-Commerce สูงถึง 47% รายงานของ ebrunระบุว่า ปี 2567 การค้าปลีกออนไลน์ของจีนมีมูลค่าสูงถึง 15.52 ล้านล้านหยวน ขณะที่ตลาดค้าปลีกออนไลน์อันดับ 2 ของโลกอย่าง “สหรัฐอเมริกา” มีมูลค่าค้าปลีกออนไลน์รวม 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.6 ล้านล้านหยวน และมีอัตราการเข้าถึง e-Commerce เพียง 22.7%
——————————– ebrun (亿邦动力) แพลตฟอร์มผู้ให้บริการข้อมูลอีคอมเมิร์ซและข้อมูลอุตสาหกรรมดิจิทัล
ที่สำคัญ ประชากรเน็ตจีนสะท้อนแนวโน้มการก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัย” ของประเทศจีน กล่าวคือ ข้อมูล ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ประชากรเน็ตที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป (Aging Netizen) มีสัดส่วนร้อยละ 33.5 หรือเกือบ 1/3 ของประชากรเน็ตจีน โดยแบ่งเป็นช่วงอายุ 50.59 ปี สัดส่วนร้อยละ 19.1 และช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไป สัดส่วนร้อยละ 14.4
ขณะที่ช่วงอายุ 6-10 ปี มีสัดส่วนร้อยละ 4.9 / ช่วงอายุ 10-19 ปี มีสัดส่วนร้อยละ 13.7 / ช่วงอายุ 20-29 ปี มีสัดส่วนร้อยละ 12.8 / ช่วงอายุ 30 – 39 ปี มีสัดส่วนร้อยละ 18.9 / ช่วงอายุ 40 – 49 ปี มีสัดส่วนร้อยละ 16.3 ของประชากรเน็ตจีน ซึ่งภาคธุรกิจไทยสามารถจำแนกและวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับสินค้าและบริการของตนได้
ชาวจีนหลายวัยเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมยามว่างและกิจกรรมทางสังคมไปอยู่บนโลกเสมือนมากขึ้น ทั้งบนโลกโซเชียลมีเดีย และเกมออนไลน์ และชาวจีนมีพฤติกรรมนิยม “เสพติดสื่อ” สูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะคอนเทนต์ประเภท “วิดีโอสั้น” ที่มีเนื้อหาความยาวน้อยกว่า 5 นาที ข้อมูล ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 พบว่า…
ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันส่งข้อความทันที (Instant messaging) มีจำนวน 1,093 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 11.2 ล้านคนจากสิ้นปี 2567) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 97.3 ของประชากรเน็ตจีน
ผู้ใช้งานวิดีโอสั้น (Short video) มีจำนวน 1,068 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 28.4 ล้านคนจากสิ้นปี 2567) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 95.1 ของประชากรเน็ตจีน โดยมี Douyin (TikTok เวอร์ชันจีน) และ Kuaishou เป็นแอปพลิคชันเจ้าตลาดในจีน
ผู้ใช้งานละครสั้น (Micro drama) มีจำนวน 626 ล้านคนน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 55.8 ของประชากรเน็ตจีน
ผู้ใช้งานเกมออนไลน์ มีจำนวน 584 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 26.9 ล้านคนจากสิ้นปี 2567) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 52.0 ของประชากรเน็ตจีน โดยเฉพาะตลาดเกมออนไลน์มีผู้ใช้งานเพศหญิงเติบโตมากถึงร้อยละ 124
ผู้ใช้งานสั่งอาหารเดลิเวอร์รี่ (Food delivery) มีจำนวน 569 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50.7 ของประชากรเน็ตจีน โดยตลาดจีนเป็น ‘สมรภูมิ’ ของแอปพลิเคชัน 3 ราย คือ Meituan (美团) / eleme (饿了么) และ JD (京东)
ตัวเลขข้างต้น สะท้อน ‘โอกาสใหม่’ ของภาคธุรกิจไทยในการใช้วิดีโอสั้นเป็น “เครื่องมือทางการตลาด” ที่ใช้ในการสื่อสาร และป้อนสินค้าและบริการให้เข้าถึง/ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เสพสื่อชาวจีนทั้งทางตรงและทางอ้อมได้
แนวโน้มการพัฒนาธุรกิจในจีนที่มุ่งเน้นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากขึ้น เป็น “โอกาสทอง” สำหรับธุรกิจสตาร์ทอัป หรือ SMEs ไทยที่สามารถก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในการเติบโตของการค้าสินค้าและบริการในตลาดที่มีศักยภาพอย่าง “ตลาดจีน”
ข่าวนี้รวบรวมโดย :SHUNNING HUANG