เปิดแล้ว!!! “ด่านทางบกสุยโข่ว” เป็นด่านสากลระหว่างประเทศแล้ว ผู้ประกอบการไทยศึกษาไว้ “ประตูบานใหม่” ส่งออก “ผลไม้ไทย” ลุยตลาดจีน
เวลาที่โพสต์:16:06, 10-10-2025
แหล่งข่าว:thaibizchina.com

นายกฤษณะ สุกันตพงศ์ เขียน
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC)
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง


หากพูดถึงการส่งออกผลไม้ไทยบนถนน R9 (มุกดาหาร) R12 (นครพนม) ที่มุ่งหน้าไปยัง “เมืองฉงจั่ว” (Chongzuo City/崇左市) ของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เชื่อว่า… หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อของ “ด่านโหย่วอี้กวาน” และ “ด่านรถไฟผิงเสียง” เพราะเป็นด่านแรก ๆ ที่ได้รับอนุมัติเป็น “ด่านผลไม้” ที่ได้รับการบรรจุในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ไทยผ่านประเทศที่สามระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน

อันที่จริง เมืองฉงจั่วยังมี “ด่านผลไม้” ที่หลายท่านอาจยังไม่คุ้ยหูอย่าง ——— “ด่านสุยโข่ว” (Shuikou Border Gate/水口口岸)  ด่านแห่งนี้ได้รับการบรรจุในพิธีสารฯ ที่รัฐบาลไทยกับจีนได้ลงนามเพื่อขยายด่านเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 แต่!!! ที่ผ่านมา ด่านแห่งนี้ยังไม่สามารถทำการค้ากับประเทศที่ 3 ได้ (เป็นด่านทวิภาคีจีน-เวียดนาม) เนื่องจากจีนกับเวียดนามยังไม่ได้ทำการยกระดับเป็น “ด่านสากลระหว่างประเทศ” อย่างเป็นทางการ

หลังจากเมื่อต้นปีที่แล้ว (27 ก.พ. 2567) บีไอซี ได้มีโอกาสติดตาม นางสาวเบญจมาศ ตันเวทยานนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง ที่ได้นำคณะกรรมการบริหาร (ทีมประเทศไทย) สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง ไปลงพื้นที่ศึกษาดูงานด่านทางบกสุยโข่ว และร่วมหารือกับผู้บริหารเมืองฉงจั่วเพื่อเร่งผลักดันความคืบหน้าในการผลักดันให้ “ด่านสุยโข่ว” ยกระดับขึ้นเป็น “ด่านสากลระหว่างประเทศ” เพื่อกรุยทางสำหรับการนำเข้าทุเรียนไทยอีกช่องทาง

หลังจากที่ตั้งตารอมาพักใหญ่ ๆ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 จีน (กว่างซี) – เวียดนาม (จังหวัดกาวบั่ง) ได้จัดพิธีเปิดใช้งาน “ด่านสุยโข่ว (สะพานแห่งที่ 2) – ด่านต่าลุง (Tà Lùng)” เป็น “ด่านสากลระหว่างประเทศ” อย่างเป็นทางการแล้ว


รู้จัก… ด่านสุยโข่ว —- ‘ประตูบานใหม่’ ของผู้ส่งออกผลไม้ไทยไปจีน

“ด่านสุยโข่ว” ตั้งอยู่ในอำเภอหลงโจว เมืองฉงจั่ว ห่างจากนครหนานหนิง 218 กิโลเมตร ฝั่งตรงข้ามเป็นด่านต่าลุง (Tà Lùng) จังหวัดกาวบั่ง (Cao Bang) ประเทศเวียดนาม ห่างจากตัวจังหวัดกาวบั่ง 70 กิโลเมตร มีแม่น้ำสุยโข่วเป็นแนวพรมแดนธรรมชาติ

ปัจจุบัน “สุยโข่ว” เป็นอีกหนึ่งด่านที่แยกจุดให้บริการของด่านตรวจคนเข้าเมืองกับด่านศุลกากรออกจากกันเหมือนด่านแห่งอื่นในกว่างซี โดยกำหนดให้ (1) ด่านสุยโข่ว สะพานแห่งที่ 1 หรือด่านแห่งเดิมเป็น “ด่านตรวจคนเข้าเมือง” (Immigration Checkpoint) และ (2) ด่านสุยโข่ว สะพานแห่งที่ 2 ที่สร้างขึ้นใหม่เป็น “ด่านศุลกากร” (Customs)

สำหรับ “ด่านศุลกากรสุยโข่ว” หรือด่านสะพานแห่งที่ 2 ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 417 ไร่ เริ่มการก่อสร้างเมื่อปี 2558 และก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2566 เฟสแรก ตัวสะพานยาว 975.5 เมตร (มีช่องเดินรถ 4 ช่องจราจร) พื้นที่ด่าน 250 ไร่ ใช้เงินลงทุนก่อสร้างราว 405 ล้านหยวน พื้นที่สิ่งปลูกสร้างราว 60,000 ตร.ม.

เหตุการณ์สำคัญของ “ด่านสุยโข่ว” สะพานแห่งที่ 2 มีดังนี้

  • กรกฎาคม 2559 รัฐบาลกลางอนุมัติการขยายและเปิดสู่ภายนอกของด่านสุยโข่ว (เป็นด่านสากลระหว่างประเทศสำหรับการขนส่งสินค้าและบุคคลข้ามแดน)

  • กุมภาพันธ์ 2564 งานก่อสร้างด่านสะพานแห่งที่ 2 เสร็จสิ้น

  • 31 กันยายน 2564 ลงนามพิธีสารฯ ระหว่างรัฐบาลไทยกับจีนในการเพิ่มเติมรายชื่อ “ด่านสุยโข่ว” เป็นหนึ่งในด่านนำเข้า-ส่งออกผลไม้ผ่านทางบก

  • 31 ตุลาคม 2567 ผ่านการตรวจรับการเปิดสู่ภายนอกจากคณะกรรมการตรวจร่วมจากส่วนกลาง

  • 11 เมษายน 2568 คณะกรรมการตรวจร่วมจากส่วนกลางลงพื้นที่ตรวจประเมินและขอให้ยกระดับมาตรฐานสถานตรวจสอบและกักกันศัตรูพืชสำหรับผลไม้นำเข้าและธัญพืชนำเข้าภายในด่านสุยโข่ว (สะพานแห่งที่ 2)

  • 3 มิถุนายน 2568 ชื่อของ “สถานตรวจสอบและกักกันเฉพาะสำหรับผลไม้จากต่างประเทศ (ด่านสุยโข่ว สะพานแห่งที่ 2)” ปรากฎอยู่ในบัญชีรายชื่อสถานตรวจสอบฯ บนเว็บไซต์สำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน

  • 12 กันยายน 2568 เปิดใช้ “ด่านสุยโข่ว สะพานแห่งที่ 2 (เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง จีน) – ด่านต่าลุง (จังหวัดกาวบั่ง เวียดนาม)” ในฐานะ “ด่านสากลระหว่างประเทศ” อย่างเป็นทางการ

ด่านสุยโข่ว สะพานแห่งที่ 2 ทำหน้าที่เป็นด่านศุลกากรที่ใช้สำหรับการค้าสากล และการค้าชายแดน ตัวอาคารประตูไม้กั้น หรือ Truck Terminal มีทั้งหมด 14 ช่องจราจร ในจำนวนนี้ เป็นช่องไม้กั้นสำหรับรถบรรทุกสินค้า ‘เข้า 9 ออก 5’ (โดยกันไว้ 2 ช่องจราจรเพื่อใช้เป็นช่องทางเข้า-ออกฉุกเฉิน) ถือเป็นด่านทางบกที่มีจำนวนช่องไม้กั้นมากที่สุดในกว่างซี

ภายในพื้นที่ด่านฯ ยังมีอาคารอำนวยการและตรวจสอบสินค้า ห้องควบคุมและช่องตรวจสอบตู้สินค้าด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ H986 โรงกำจัดศัตรูพืชด้วยวิธีการอบและรมยา เขตกำจัดและทำลายศัตรูพืช โรงพักสินค้าที่มีการยึดอายัด ลานตรวจสินค้า คลังสินค้าเย็น หน้าร้านสำหรับการค้าสำหรับชาวชายแดน รวมถึงระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ

การเปิดดำเนินงานระยะแรก คาดว่าสามารถรองรับปริมาณได้ปีละ 20 ล้านตัน (ปริมาณรถสินค้าผ่านเข้า-ออกได้วันละ 1,500 คันครั้ง) และในระยะไกลจะยกระดับขีดความสามารถให้รองรับได้ปีละ 36 ล้านตัน (ปริมาณรถสินค้าผ่านเข้า-ออกได้วันละ 2,500 คันครั้ง)

หากพิจารณา “ระยะทางการขนส่ง” โดยเริ่มต้นจากจังหวัดนครพนม (ถนน R12) พบว่า ด่านสุยโข่วตั้งอยู่ลึกไปทางตอนเหนือของด่านโหย่วอี้กวานอีกราว 100 กิโลเมตร  (ระยะทางจากกรุงฮานอย – ด่านโหย่วอี้กวานมีระยะทางราว 173 กิโลเมตร ขณะที่กรุงฮานอย – ด่านสุยโข่ว มีระยะทาง 273 กิโลเมตร)

แต่มีระยะทางจากด่านสุยโข่ว/ด่านโหย่วอี้กวาน เพื่อมุ่งหน้าไปยัง “นครหนานหนิง” ด้วยระยะทางใกล้เคียงกัน (ต่างกันเพียง 4 กิโลเมตร) กล่าวคือ “ด่านสุยโข่ว” ห่างจากนครหนานหนิง 218 กิโลเมตร ขณะที่ “ด่านโหย่วอี้กวาน” ห่างจากนครหนานหนิง 214 กิโลเมตร

ในแง่ของ “การอำนวยความสะดวกทางศุลกากร” ด่านสุยโข่วมีแนวปฏิบัติคล้ายคลึงกับด่านสากลทางบกแห่งอื่น โดยเฉพาะมาตรการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการศุลกากร (Green lane) สำหรับผลไม้สด เช่น การจัดช่องตรวจสินค้าเฉพาะสำหรับผลไม้ การนัดหมาย7 วัน ตลอด 24 ชั่วโมง การตรวจปล่อยเป็นลำดับแรก (First Priority) อย่างไรก็ดี ด่านสุยโข่วยังไม่มีห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ผลไม้นำเข้า (อาจจะต้องส่งไปตรวจที่เมืองผิงเสียง)

บีไอซี เห็นว่า ในห้วงเวลาที่ผลไม้ไทยเผชิญความท้าทายจากการที่คู่แข่งอย่างผลไม้เวียดนามได้รับอนุญาตให้ส่งออกผลไม้ไปจีนได้มากชนิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผ่านแดนของผลไม้ไทยที่ “ด่านหงูหงิ จ.ลางเซิน – ด่านโหย่วอี้กวาน เขตฯ กว่างซีจ้วง”

ด้วยเหตุนี้ “ด่านสุยโข่ว” เป็น‘โอกาสใหม่’ ในการส่งออกสินค้าไทย (ผลไม้ไทย) ไปสู่ตลาดปลายทางในจีนตะวันตกได้ง่ายขึ้นด้วยมิติที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูผลไม้ มักพบว่า… ด่านนำเข้าผลไม้หลัก (ด่านโหย่วอี้กวาน กว่างซี / ด่านโม่ฮาน ยูนนาน) จะประสบปัญหาความแออัดของรถบรรทุก ซึ่งส่งผลให้ต่อความสดใหม่ของผลไม้ การที่ “ด่านสุยโข่ว” เปิดทำการค้ากับประเทศที่ 3 ได้ จะเป็น ‘ประตูบานใหม่’ ที่ช่วยระบายรถบรรทุกผลไม้ไทยได้อีกทาง

ข่าวนี้รวบรวมโดย :SHUNNING HUANG