นับตั้งแต่เปิดให้บริการรถไฟขนส่งตู้สินค้าเชื่อม “เรือ+ราง” ที่เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงในปี 2560 โมเดลการขนส่งดังกล่าวมีพัฒนาการใหม่ ๆ ให้เราได้เห็นอยู่ตลอดเวลา จากจุดเริ่มต้นที่มีเส้นทางให้บริการ “อวี๋ห์กุ้ยซิน” (渝桂新) หรือเส้นทาง “ฉงชิ่ง-กว่างซี-สิงคโปร์” เพียงสายเดียว จนถึงปัจจุบัน ได้ขยายจนมีเส้นทางประจำแล้ว 26 เส้นทาง
สินค้าสามารถลำเลียงด้วยขบวนรถไฟระหว่างท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้กับหัวเมืองเศรษฐกิจสำคัญทั้งในกว่างซี รวมถึงนครฉงชิ่ง มณฑลเสฉวน มณฑลยูนนาน มณฑลกุ้ยโจว อีกทั้ง ยังสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟขบวนจีน-ยุโรป หรือ China-Europe Railway Express ได้แบบไร้รอยต่อ
ล่าสุด จากการเปิดเผยของรัฐวิสาหกิจ China Railway Nanning Group (中国铁路南宁局集团有限公司) ระบุว่า ช่วง 3 ไตรมาสแรก ปี 2568 การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟภายใต้โมเดลงานขนส่ง “เรือ+ราง” มีจำนวนรวม 1.09 ล้าน TEUs เพิ่มขึ้นร้อยละ 70.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
“ปี 2568 เป็นปีที่ปริมาณการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟมีอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุด ทำสถิติทะลุ 1 ล้าน TEUs ในเวลาเพียง 247 วัน เมื่อเทียบกับสถิติ 1 ล้าน TEUs แรก ใช้เวลาสะสมนานถึง 4 ปี คาดว่า ปีนี้ ปริมาณขนส่งตู้สินค้าจะทะลุ 1.3 ล้าน TEUs” นายจ้าว เจียน (Zhao Jian/赵坚) รองนายสถานีรถไฟท่าเรือชินโจวตะวันออก ให้ข้อมูล
ปัจจุบัน ขบวนรถไฟขนส่งสินค้าในโมเดลขนส่ง “เรือ+ราง” มีโครงข่ายครอบคลุม 163 สถานีใน 75 เมืองใน 18 มณฑลทั่วประเทศจีน สินค้าที่ขนส่งมีความหลากหลายมากกว่า 1,316 ประเภท ครอบคลุมอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ประกอบสำเร็จและชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ วัสดุหิน ถ่านหิน ธัญพืช ผลิตภัณฑ์พลอยได้ทางการเกษตร น้ำมันพืช และอาหาร
การเติบโตทางเศรษฐกิจของมณฑลในจีนตะวันตก ประสิทธิภาพความพร้อมของระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมที่มีความครอบคลุม สะดวกรวดเร็ว และมีต้นทุนต่ำ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยดึงดูดให้ผู้ค้าหันมาใช้การขนส่ง “เรือ+ราง” ที่ท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้กว่างซี ทำให้ปริมาณการขนถ่ายสินค้าและตู้สินค้าผ่านท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้สามารถรักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ยกตัวอย่างเช่น “ท่าเรือชินโจว”เป็นท่าเรือหลักของท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้ และเป็นแม่แบบของโมเดลงานขนส่ง “เรือ+ราง”ที่ช่วยให้การลำเลียงสินค้าระหว่างมณฑลในภาคตะวันตกของจีน (นครฉงชิ่ง นครเฉิงตู) กับชาติสมาชิกอาเซียนมีความสะดวกรวดเร็ว ช่วยร่นเวลาการขนส่งได้ 10วันเมื่อเทียบกับการขนส่งแบบเดิมที่ใช้แม่น้ำแยงซีเกียงลำเลียงตู้สินค้าไปออกทะเลที่ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของประเทศจีน
ปีนี้ หน่วยงานการรถไฟยังได้พัฒนารูปแบบการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ เช่น การใช้ใบตราส่งสินค้าใบเดียวเดียวตลอดเส้นทาง (เดิมที ใบตราส่งสินค้าของยานพาหนะแต่ประเภทแยกขาดจากกัน จึงมีความยุ่งยากในการจัดการด้านเอกสารนำเข้า-ส่งออกสินค้า) การรับเหมาบริการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์แบบครบจบในที่เดียว (ผู้ส่งสินค้าไม่ต้องยุ่งยากในการติดต่อผู้ให้บริการรถ/รถไฟ/เรือ/โกดัง) ผู้ใช้บริการสามารถมองภาพการขนส่งได้ทั้งวงจรและติดตามสถานะของตู้สินค้าได้อย่างชัดเจน สามารถคำนวณเวลาที่ใช้และต้นทุนการขนส่งได้ง่าย และสินค้าถึงมือผู้รับปลายทางได้ค่อนข้างรวดเร็วและตรงเวลา
อีกหนึ่งปรากฎการณ์สำคัญของงานขนส่งสินค้าทางรถไฟที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือ การขนส่งสินค้าทางรถไฟจีน(กว่างซี)-เวียดนามผ่าน “ท่าสถานีรถไฟระหว่างประเทศหนานหนิง” หรือ Nanning International Railway Port (南宁国际铁路港) โดยปีนี้ หน่วยงานการรถไฟกว่างซีกับเวียดนามได้เพิ่มกำลังลากจูงของขบวนรถไฟขนส่งสินค้าจากเดิม 1,000 ตันเป็น 1,300 ตัน และเพิ่มความถี่ในการให้บริการจากเดิม 5 เที่ยวต่อสัปดาห์เป็น 14 เที่ยวต่อสัปดาห์
จากการเปิดเผยของ China Railway Nanning Group ระบุว่า ณ วันที่ 22 กันยายน 2568 ขบวนรถไฟขนส่งสินค้าจีน-เวียดนาม มีการลำเลียงสินค้าขาออก(ไปเวียดนาม) รวม 26,000 TEUs เพิ่มขึ้นร้อยละ 173 (YoY) โดยขบวนรถไฟดังกล่าวใช้เวลาการขนส่งสินค้าระหว่างท่าสถานีรถไฟระหว่างประเทศหนานหนิง ผ่านด่านรถไฟผิงเสียง ไปยังสถานีเย็นเวียน (Yên Viên) ชานกรุงฮานอย เวียดนาม เพียง 14 ชั่วโมงเท่านั้น (สินค้าที่ดำเนินพิธีการศุลกากรขาออกที่ท่าสถานีรถไฟระหว่างประเทศหนานหนิงได้รับการยกเว้นพิธีการศุลกากรที่ด่านรถไฟผิงเสียง)
สินค้าที่นำเข้า-ส่งออกผ่านเส้นทางดังกล่าวมีความหลากหลายมากขึ้นเช่นกัน ครอบคลุม อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ สินค้าเกษตร สิ่งทอและเครื่องนุ่มห่ม ไม้ซุง ของใช้ในชีวิตประจำวัน และผลไม้ (ผลไม้สดต้องดำเนินพิธีการศุลกากรนำเข้าที่ด่านรถไฟผิงเสียง)
บีไอซี เห็นว่า การขนส่งและกระจายสินค้าเข้าจีนผ่านทาง “รถไฟ” ที่เขตฯ กว่างซีจ้วง เป็นทางเลือกที่ภาคธุรกิจไทยควรใช้ประโยชน์ให้เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโมเดลการขนส่งสินค้า “เรือ+ราง” และ “รถ+ราง” ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านการขนส่ง และเลี่ยงความแออัดของท่าเรือหลักในจีนได้อีกทาง โดยเฉพาะท่าเรือกว่างโจว ท่าเรือเซินเจิ้น และท่าเรือเซี่ยงไฮ้ ที่มีปริมาณตู้สินค้าผ่านเข้า-ออกจำนวนมาก
ข่าวนี้รวบรวมโดย :SHUNNING HUANG