“เมืองท่าชินโจว” ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของประเทศจีน ประสบความสำเร็จในการเดินเครื่อง “หน่วยแยกสารประกอบด้วยสารดูดซับในน้ำมันดีเซล” ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (กำลังการผลิต 200 ล้านตันต่อปี) และเป็น ‘ก้าวใหม่’ ของการพัฒนาอุตสาหกรรมการกลั่นและปิโตรเคมีเชิงบูรณาการและสู่ระดับไฮเอนด์ในพื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และเป็น “แม่แบบ” ให้กับอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีทั่วโลกในการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างการผลิต “ลดน้ำมัน เพิ่มปิโตรเคมี” ทั้งด้านขนาดและผลิตภาพสูงสุด
คำว่า “ลดน้ำมัน เพิ่มปิโตรเคมี” เป็นการปรับโครงสร้างการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันแบบครบวงจรที่มุ่งลดการผลิตผลิตภัณฑ์น้ำมันให้มากที่สุด และเพิ่มผลผลิตของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และเป็นหนึ่งในแนวทางหลักสำหรับองค์กรในการเพิ่มผลประกอบการผลิตให้ได้สูงสุด
โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเลียมแห่งชาติจีน และเป็นโครงการสำคัญของยักษ์ใหญ่พลังงานจีนอย่าง PetroChina (中国石油) ในกรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 ด้วย มีมูลค่าการลงทุนรวม 30,500 ล้านหยวน บนพื้นที่กว่า 4,400 หมู่จีน หรือราว 1,833 ไร่ ในเขตนิคมอุตสาหกรรมจีน(ชินโจว)-มาเลเซีย ในเมืองชินโจว เขตฯ กว่างซีจ้วง เริ่มงานก่อสร้างตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 และคาดว่าจะเริ่มการผลิตจริงในวันที่ 18 ตุลาคม 2568 นี้
หน่วยแยกน้ำมันดีเซลข้างต้นเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นร่วมกันระหว่างบริษัท China Kunlun Contracting & Engineering Corp. (中国昆仑工程有限公司) กับ CNOOC Tianjin Chemical Research and Design Institute (中海油天津化工研究设计院) ด้วยความสามารถในการควบคุมที่แม่นยำในระดับโมเลกุล โดยแยกน้ำมันดีเซลเป็นวัตถุดิบกลุ่มโอเลฟินส์ (Olefins ใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตพลาสติกชนิดต่าง ๆ) ที่มีคุณภาพสูง และวัตถุดิบกลุ่มอะโรมาติกส์ (Aromatics ใช้เป็นตัวทำละลายและใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารเคมีอื่น ๆ)
เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง “การผลิตล้นเกิน” ในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันให้มีความยืนหยุ่นและสมดุล และมีนัยสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีของจีนจาก “สายเชื้อเพลิง” ไปสู่ “สายปิโตรเคมี”
“กระบวนการทั้งหมดประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ได้แก่ การดูดซับ (absorption) การนำกลับราฟฟิเนต (raffinate ผลิตภัณฑ์พลอยได้จากกระบวนการผลิตโอเลฟินส์) การทำให้บริสุทธิ์ด้วยสารคายซับ (desorbent) และการกลั่นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม โดยหน่วยแยกน้ำมันดีเซลข้างต้นสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง อย่างอัจฉริยะ และอย่างมีเสถียรภาพในสภาวะการทำงานที่มีความซับซ้อนเพื่อตอบสนองความต้องการภาคอุตสาหกรรม ทั้งในสภาพอุณหภูมิต่ำ ความดันต่ำ และมีสารประกอบปะปนเป็นจำนวนมาก”
นายหวง ปิ่งย่าว (Huang Bingyao/黄丙耀)
รองหัวหน้าวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านปิโตรเลียมและปิโตรเคมี
บริษัท China Kunlun Contracting & Engineering Corp.
หากพิจารณาในแง่ประสิทธิภาพกระบวนการผลิต (process efficiency) พบว่า หน่วยแยกน้ำมันดีเซลที่ใช้วิธีการเติมไฮโดรเจน (hydro treating) ในการผลิตน้ำมันดีเซล โดยสารประกอบไฮโดรคาร์บอนนอกกลุ่มอะโรมาติกส์ที่ได้จากกระบวนการดังกล่าวสามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบชั้นยอดสำหรับหน่วยแยกเอทิลีน (ethylene cracking unit) ได้โดยตรง ในขณะที่อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนสามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น แนฟทา (naphtha) และโพรพิลีน (propene)
เมื่อเทียบกับกระบวนการแบบดั้งเดิม พบว่า เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์เชิงบูรณาการจากวัตถุดิบได้เพิ่มมากขึ้นร้อยละะ 15 นอกจากจะช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและบริหารจัดการความเสี่ยงของห่วงโซ่อุตสาหกรรมการกลั่นและปิโตรเคมีได้อย่างมีนัยสำคัญ
หลังจากที่เริ่มการผลิตอย่างเป็นทางการ โครงการดังกล่าวจะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปิโตรเลียมของกว่างซีให้เปลี่ยนผ่านจากการเป็น “โรงกลั่นเชื้อเพลิง” ไปสู่ “ธุรกิจสายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและวัสดุอินทรีย์” ซึ่งไม่เพียงเป็นการ ‘เติมเต็ม’ ช่องว่างในอุตสาหกรรมวัสดุใหม่กลุ่มปิโตรเคมีระดับไฮเอนด์ในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอบสนองความต้องการของ ‘ตลาดเกิดใหม่’ ในพื้นที่ภาคตะวันตก
นอกจากนี้ ยังเป็นตัวช่วยกว่างซีในการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมวัสดุใหม่กลุ่มปิโตรเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่มีมูลค่าการผลิตระดับล้านล้านหยวนที่มุ่งสู่ “อาเซียน” เป็นการเสริมฐานความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการกลั่นและปิโตรเคมีของประเทศจีนในเวทีโลก และเป็นการสร้างหลักประกันความมั่นคงด้านพลังงานของจีนไปพร้อมกับการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่มีคุณภาพของประเทศจีนด้วย
ข่าวนี้รวบรวมโดย :SHUNNING HUANG