ในบรรดาผลไม้แช่แข็งที่จีนนำเข้าจากต่างประเทศ แน่นอนว่าจะต้องมีที่นั่งของ “ทุเรียนแช่แข็ง” การที่สำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน หรือเรียกสั้น ๆ ว่า GACC (General Administration of Customs of the PR.C.) ได้ผ่อนคลายนโยบายการนำเข้าผลไม้แช่แข็ง โดย “ผลิตภัณฑ์ผลไม้แช่แข็งไม่ต้องผ่านมาตรการตรวจสอบและกักกันโรคอีกต่อไป” (ขอเพียงโรงงานแปรรูปต้นทางได้รับการขึ้นทะเบียนจาก GACC) เป็นการสร้างโอกาสให้ผลไม้แช่แข็งต่างประเทศเข้าสู่ตลาดจีนได้ง่ายขึ้น
ปัจจุบัน ประเทศจีนมีการนำเข้า “ทุเรียนแช่แข็ง” จากหลายประเทศ อาทิ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และล่าสุด เวียดนาม (อินโดนีเซีย รอการประกาศอย่างเป็นทางการ)
เมื่อเร็ว ๆ นี้ (30 พ.ค. 2568) เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงได้นำเข้าทุเรียนแช่แข็งจากเวียดนามผ่านด่านสากลทางบกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่จีนกับเวียดนามได้ลงนามพิธีสารการส่งออกทุเรียนแช่แข็งเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2567 โดยเป็นการนำเข้าผ่าน “ด่านสากลทางบกตงซิง” (Dongxing Border Gate/东兴口岸)
ตามรายงานข่าวกว่างซีนิวส์ ระบุว่า ทุเรียนแช่แข็งล็อตดังกล่าวมาจากจังหวัดเลิมด่ง (Lâm Đồng) น้ำหนัก 22.24 ตัน เป็นทุเรียนสดที่ปอกเปลือกแล้วนำไปแช่แข็งอย่างรวดเร็วที่อุณหภูมิ -18°C โดยใช้ไนโตรเจนเหลว ซึ่งสามารถยืดอายุการเก็บรักษาผลไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสำหรับการขนส่งทางไกลและการเก็บรักษาในระยะยาว
ข้อมูลระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน 2568 “ด่านตงซิง” นำเข้าผลไม้คิดเป็นปริมาณ 22,000 ตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 22.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ด้วยแนวพรมแดนที่ยาวกว่า 1,020 กิโลเมตรระหว่างเขตฯ กว่างซีจ้วงกับประเทศเวียดนาม จึงเป็นที่ตั้งของด่านทางบกสำคัญหลายแห่ง นอกจากด่านคุ้นหูอย่าง “ด่านโหย่วอี้กวาน” แล้ว สุดขอบชายแดนกว่างซีกับเวียดนามยังมีด่านสำคัญอีกแห่ง คือ “ด่านตงซิง”
บีไอซี ขอนำผู้อ่านทบทวนและทำความรู้จักกับ “ด่านตงซิง” กับโอกาสการส่งออกผลไม้สดและผลไม้แช่แข็งจากประเทศไทยไปเจาะตลาดจีนอีกครั้ง
“ด่านตงซิง” ตั้งอยู่ในเมืองระดับอำเภอตงซิง (Dongxing City/东兴市) ภายใต้การกำกับดูแลของเมืองฝางเฉิงก่าง อยู่ตรงข้ามกับด่านม๊องก๋าย (Móng Cái) จังหวัดกว๋างนิญ (Quảng Ninh) ของประเทศเวียดนาม มีแม่น้ำเป่ยหลุนเป็นแนวพรมแดนธรรมชาติ ด่านแห่งนี้ตั้งอยู่ค่อนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากกรุงฮานอยราว 300 กิโลเมตร (ไกลกว่าด่านโหย่วอี้กวานราว 100 กิโลเมตร)
สำหรับ “ด่านตงซิง” แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ (1) ด่านสะพานข้ามแม่น้ำเป่ยหลุน แห่งที่ 1 ด่านแห่งเดิม ปัจจุบัน เป็นด่านตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) และ (2) ด่านสะพานข้ามแม่น้ำเป่ยหลุน แห่งที่ 2 เป็นด่านศุลกากร (Customs) ที่สร้างขึ้นใหม่ ใช้สำหรับบุคคลและรถบรรทุกสินค้าผ่านเข้า-ออกนอกประเทศ เป็นด่านที่มีความพร้อมด้านฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าด่านโหย่วอี้กวาน
เส้นทางการพัฒนา “ด่านทางบกตงซิง” เป็นด่านนำเข้าผลไม้(ไทย)
7 มีนาคม 2561 GACC ได้อนุมัติในหลักการให้ “ด่านตงซิง” เป็นด่านนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศ และเป็นด่านนำเข้าผลไม้ทางบกแห่งที่ 3 ของเขตฯ กว่างซีจ้วง ต่อจากด่านโหย่วอี้กวาน และด่านรถไฟผิงเสียง
29 เมษายน 2563 พิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ไทยผ่านประเทศที่สามเข้าสู่สาธารณรัฐประชาชนจีนที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยและ GACC ได้ร่วมกันลงนาม มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ
27 เมษายน 2564 พื้นที่ตรวจกักกันผลไม้นำเข้า ณ ด่านทางบกตงซิง (สะพานข้ามแม่น้ำเป่ยหลุน แห่งที่ 2) ผ่านเกณฑ์มาตรฐานในการตรวจรับรองจาก GACC
29 เมษายน 2564 GACC ประกาศรายชื่อของพื้นที่ตรวจกักกันผลไม้นำเข้า ณ ด่านทางบกตงซิง (สะพานข้ามแม่น้ำเป่ยหลุน แห่งที่ 2) บนเว็บไซต์ GACC ซึ่งหมายความว่า “ด่านตงซิง” ได้ผ่านการตรวจรับจาก GACC และสามารถนำเข้าผลไม้ไทยได้อย่างเป็นทางการ
14 พฤษภาคม 2564 นางสาวเบญจมาศ ตันเวทยานนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง ร่วมเป็นเกียรติในพิธีต้อนรับการนำเข้าผลไม้ไทยล็อตแรกผ่าน “ด่านตงซิง” ประกอบด้วยทุเรียน จำนวน 7 ตู้คอนเทนเนอร์ รวมน้ำหนัก 116.2 ตัน มูลค่าสินค้า 4.324 ล้านหยวน
รู้หรือไม่… นอกจากเมืองผิงเสียง (ที่ตั้งของด่านโหย่วอี้กวาน) แล้ว “เมืองตงซิง” เป็นอีกหนึ่ง “พื้นที่แห่งโอกาส” ในการพัฒนาการค้า “เนื้อทุเรียนแช่แข็ง(ไทย)” ในรูปแบบการค้าชายแดนผ่านทางทะเลด้วย ซึ่งเป็นการ ‘ฉีกกรอบ’ คำนิยามของการค้าชายแดนแบบเดิมที่จะต้องเป็นการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน
กล่าวคือ รูปแบบการค้าชายแดนผ่านทางทะเล ผู้นำในเมืองตงซิง “เนื้อทุเรียนแช่แข็ง” จากต่างประเทศผ่านด่านท่าเรือ (ท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้ เช่น ด่านท่าเรือฝางเฉิงก่าง หรือด่านท่าเรือชินโจว) โดยใช้สิทธิการค้าชายแดน และขนย้ายสินค้าดังกล่าวไปดำเนินพิธีการศุลกากรที่ด่านการค้าชายแดน เพื่อนำไปแปรรูปในโรงงานแปรรูป (การนำเข้าในรูปแบบดังกล่าวจะต้องอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อการแปรรูปในพื้นที่ชายแดนเมืองตงซิง และสินค้านำเข้าต้องเป็นสินค้าที่อยู่ในบัญชีรายชื่อสินค้าที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขายผ่านระบบการค้าชายแดน)
บีไอซี เห็นว่า “ด่านตงซิง” จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ผู้ส่งออกไทยสามารถใช้เพื่อการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนได้อย่างคล่องตัว ช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าให้แก่ผู้ส่งออกไทย โดยใช้ระยะเวลาในการขนส่งออกจากไทยไปเข้าที่ด่านตงซิงภายใน 2 วันเท่านั้น โดยผู้ส่งออกสามารถพิจารณาใช้ประโยชน์จากด่านตงซิงเป็นช่องทางการระบายสินค้าผลไม้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการกระจุกตัวของรถบรรทุกบริเวณนอกด่านโหย่วอี้กวาน ซึ่งอาจส่งผลให้ผลไม้สดได้รับความเสียหายได้
นอกจากนี้ ผู้ส่งออกไทยยังสามารถใช้ประโยชน์จากการค้าชายแดนผ่านทางทะเล โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรไทยอย่าง “ผลไม้และเนื้อผลไม้” ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มะม่วง เสาวรส ขนุน ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดจีนในการนำไปแปรรูปเป็นขนมขบเคี้ยว ไม่ว่าจะเป็นผลไม้อบแห้ง ผลไม้ฟรีซดราย ผลไม้บรรจุกระป๋อง น้ำผลไม้ แยมผลไม้ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของผลไม้ ทั้งในกลุ่มอาหารพร้อมบริโภค (Ready to eat) และอาหารพร้อมปรุง (Ready to Cook)
บีไอซี ขอเน้นย้ำว่า ในช่วงฤดูกาลที่มีผลไม้ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ผู้ส่งออกไทยที่นิยมใช้เส้นทางถนน R8 R9 และ R12 ควรติดตามและประเมินสถานการณ์ในภาพรวม ไม่ว่าจะเป็น (1) สภาพการจราจร/ปริมาณรถสินค้าตลอดเส้นทาง (2) สถานการณ์การผลิตผลไม้ของเวียดนาม ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกับจีน และนิยมใช้การส่งออกทางถนนเช่นกัน รวมถึง (3) สถานการณ์การสุ่มตรวจสินค้าของด่าน (ทั้งการตรวจศัตรูพืช และสารโลหะหนักตกค้างอย่างสาร Basic Yellow 2 (BY2) และสารแคดเมียม) เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการวางแผนการขนส่งผลไม้ไทยไปจีน โดยเฉพาะอาจพิจารณาการเลือกใช้ด่านแห่งอื่นๆ ในเขตฯ กว่างซีจ้วงที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์การกระจุกตัวของสินค้าที่ด่านใดด่านหนึ่ง
ข่าวนี้รวบรวมโดย :SHUNNING HUANG