เรือบรรทุกสินค้าจอดเทียบท่าที่ท่าตู้คอนเทนเนอร์ในท่าเรือชิงเต่า เมืองชิงเต่า มณฑลซานตง ทางตะวันออกของจีน ปีนี้ท่าเรือ
ชิงเต่าได้ขยายเส้นทางการเดินเรือระหว่างประเทศอย่างแข็งขัน โดยเฉพาะสำหรับอาเซียน ภาพถ่ายทางอากาศเมื่อวันที่ 30
เมษายน 2568 (ซินหัว)
จีนและประเทศในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศได้เสร็จสิ้นการเจรจาเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน (CAFTA) เวอร์ชัน 3.0 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือด้านการค้าทวิภาคีที่จะสร้างแรงผลักดันและเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจโลกมากยิ่งขึ้น
ความสำเร็จดังกล่าวได้รับการประกาศในระหว่างการประชุมออนไลน์พิเศษของรัฐมนตรีเศรษฐกิจและการค้าจากจีนและอาเซียนเมื่อวันอังคาร ตามที่กระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผย
กระทรวงฯ เผยว่า CAFTA เวอร์ชัน 3.0 เป็นการสนับสนุนการค้าเสรีและความร่วมมือแบบเปิดกว้าง พร้อมเสริมว่าข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความแน่นอนให้กับการค้าในระดับภูมิภาคและระดับโลก อีกทั้งเป็นแบบอย่างของความเปิดกว้าง ความครอบคลุม และความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
CAFTA ซึ่งเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เปิดตัวเมื่อปี 2553 และได้รับการยกระดับอย่างต่อเนื่อง โดยข้อตกลงเวอร์ชัน 2.0 ได้ลงนามเมื่อปี 2558 และมีผลบังคับใช้ในปี 2562
ขณะนี้การเจรจา CAFTA เวอร์ชัน 3.0 ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะลงนามในพิธีสารปรับปรุงฉบับใหม่นี้ก่อนสิ้นปีนี้
เฟิง กุ้ย ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยการเงินและเศรษฐศาสตร์กว่างซีทางตอนใต้ของจีน กล่าวว่า การสรุปการเจรจา CAFTA เวอร์ชัน 3.0 ถือเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างจีนและอาเซียนในด้านศักยภาพทางอุตสาหกรรม เทคโนโลยี และการค้า ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศอาเซียนด้วย
ตามที่กระทรวงพาณิชย์ระบุ CAFTA เวอร์ชัน 3.0 จะประกอบด้วยหัวข้อใหม่ 9 บทครอบคลุมด้านต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และการเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทาน
กระทรวงฯ กล่าวว่าหัวข้อใหม่เหล่านี้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เนื่องจากจะช่วยให้จีนและอาเซียนส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาคที่กว้างขึ้นและลึกซึ้งยิ่งขึ้นภายใต้สถานการณ์ใหม่ และจะอำนวยความสะดวกในการบูรณาการห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา
รถบรรทุกผลไม้จากประเทศกลุ่มอาเซียนกำลังรอผ่านพิธีการศุลกากรที่เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ทางตอนใต้ของจีน
ภาพถ่ายทางอากาศเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 (ซินหัว)
จาง เสี่ยวจุน รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และกฎหมายตะวันตกเฉียงใต้ในเทศบาลนครฉงชิ่ง กล่าวว่า การจัดตั้งกฎระเบียบการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานภายใต้ CAFTA เวอร์ชัน 3.0 ถือเป็นก้าวสำคัญใหม่ในความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานระหว่างทั้งสองฝ่าย เนื่องจากกฎระเบียบเหล่านี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการไหลเวียนของสินค้าและบริการที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็เสริมสร้างการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้วย
จางอธิบายเพิ่มว่า “กฎเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนข้ามพรมแดนของปัจจัยการผลิตเท่านั้น แต่ยังให้การสนับสนุนระดับสถาบันในการสร้างห่วงโซ่อุปทานอย่างปลอดภัยและมั่นคงอีกด้วย”
ตามที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวไว้ เศรษฐกิจดิจิทัลจะเป็นอีกภาคส่วนสำคัญที่จะได้รับประโยชน์จาก CAFTA เวอร์ชัน 3.0 เนื่องจากความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยลดช่องว่างด้านดิจิทัลระหว่างจีนและประเทศกลุ่มอาเซียน ซึ่งจะปูทางไปสู่การบูรณาการทางเศรษฐกิจที่มากขึ้นต่อไป
เฉิน เจ๋อ รองศาสตราจารย์คณะกฎหมายระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และกฎหมายตะวันตกเฉียงใต้ กล่าวว่า คาดว่าประสบการณ์ของจีนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลจะมอบการลงทุนและการสนับสนุนทางเทคโนโลยีที่สำคัญแก่ประเทศสมาชิกอาเซียน และสร้างโอกาสมากขึ้นสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
เฉินกล่าวว่า “CAFTA เวอร์ชัน 3.0 จะไม่เพียงแต่เสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและประเทศกลุ่มอาเซียนเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงจุดยืนเชิงรุกของจีนในการกำหนดกฎเกณฑ์การค้าดิจิทัลระหว่างประเทศและผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลกอีกด้วย”
จีนและอาเซียนรวมกันแล้วมีประชากรเกือบหนึ่งในสี่ของโลก เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกันและกันมาเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน และในปี 2567 มูลค่าการค้าทวิภาคีพุ่งสูงโดยมีมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จากต่ำกว่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2534
ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรทั่วไประบุว่า ในช่วงสี่เดือนแรกของปี 2568 การค้าระหว่างจีนและอาเซียนมีมูลค่าถึง 2.38 ล้านล้านหยวน (ราว 330,850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 9.2% จากปีก่อนหน้า
เกา คิม ฮูร์น เลขาธิการอาเซียน กล่าวในการประชุมเมื่อวันอังคารว่า อาเซียนและจีนสามารถกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น บรรลุการพัฒนาร่วมกันที่มีคุณภาพสูง ส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น การผลิตอัจฉริยะ และเพิ่มการเชื่อมต่อและการเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่า การสรุปการเจรจา CAFTA เวอร์ชัน 3.0 จะช่วยเสริมสร้างกรอบสถาบันสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและอาเซียนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยสำรวจแนวทางความร่วมมือตามกฎเกณฑ์ CAFTA ด้วยการบูรณาการกฎและมาตรฐาน พร้อมทำลายรูปแบบดั้งเดิมของการกำหนดกฎและมาตรฐานที่ถูกครอบงำโดยประเทศที่พัฒนาแล้ว
หวาง เหวินเทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า “จีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับอาเซียนเพื่อรักษาเสถียรภาพและการดำเนินงานที่ราบรื่นของห่วงโซ่อุปทานและอุตสาหกรรมระดับโลก และสร้างผลงานที่มากขึ้นในการพัฒนาของทั้งสองฝ่ายและปกป้องความยุติธรรมและความเป็นธรรมระหว่างประเทศ”
ข่าวนี้รวบรวมโดย :SHUNNING HUANG