กฤษณะ สุกันตพงศ์ เขียน
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC)
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง
เมื่อเร็ว ๆ นี้ (28-29 เมษายน 2568) ทุเรียนไทยล็อตแรก จำนวน 6 ตู้ น้ำหนัก 96 ตัน มูลค่า 4.2 ล้านหยวน ได้ผ่านพิธีการศุลกากรนำเข้าที่ “ด่านสากลทางบกหลงปัง” ของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงเป็นครั้งแรก โดยทุเรียนล็อตดังกล่าวจะลำเลียงต่อไปยังนครหนานหนิงก่อนจะกระจายไปยังทั่วประเทศจีน
“ด่านหลงปัง” หรือ Longbang Border Gate (龙邦口岸) เป็น 1 ใน 5 ด่านสากลทางบกของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงที่มีความสำคัญ ตั้งอยู่ในเมืองระดับอำเภอจิ้งซี (Jingxi City/靖西市) ภายใต้การกำกับดูแลของเมืองไป่เซ่อ (Baise City/百色市) อยู่ตรงข้ามกับด่านจาลิงห์ (Tra Linh) จังหวัดกาวบั่ง (Cao Bang) ของเวียดนาม อยู่ห่างจากด่านทางบกโหย่วอี้กวานของเมืองฉงจั่วประมาณ 120 กิโลเมตร เป็นด่านที่มีความโดดเด่นในการนำเข้าสินค้าเกษตรเพื่อการแปรรูป โดยเฉพาะถั่วเปลือกแข็ง (มะม่วงหิมพานต์) ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแช่เย็น แช่แข็ง เครื่องเทศและสมุนไพรจีน
ที่สำคัญ “ด่านหลงปัง” ยังเป็น 1 ใน 5 ด่านทางบกในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงที่ได้รับการบรรจุอยู่ในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน (ผลไม้ไทยที่ขนส่งไปจีนด้วยเส้นทางบกจะต้องผ่านด่านที่ได้บรรจุในพิธีสารฯ เท่านั้น)
ด่านหลงปังแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ (1) ด่านตรวจคนเข้าเมืองหลงปัง (Immigration) และ (2) ด่านศุลกากร (Customs) ที่ช่องทางขนส่งสินค้าน่าซี (Naxi) – นา ดอออง (Nà Đoỏng) มีช่องทางเข้า-ออกของ Truck Terminal จำนวน 10 ช่อง สามารถรองรับรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถบรรทุกขนาดใหญ่พิเศษ
เดิมที ด่านแห่งนี้เป็นด่านทวิภาคีที่ใช้สำหรับการค้าและการเดินทางเข้า-ออกของบุคคลและยานพาหนะกับประเทศเวียดนามเท่านั้น เส้นทางการพัฒนา “ด่านหลงปัง” สู่ด่านสากลที่สามารถทำการค้ากับประเทศที่สาม มีดังนี้
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2564 รัฐบาลกลางได้ประกาศอนุมัติให้ “ด่านหลงปัง” เป็นด่านสากล รวมทั้งขยายขอบเขตการเปิดด่านสู่ภายนอกที่ช่องทางขนส่งสินค้าน่าซี (Naxi Channel/那西通道) หลังจากที่ด่านแห่งนี้ได้ ‘ไฟเขียว’ จากรัฐบาลกลาง ด่านหลงปังต้องไปดำเนินการปรับปรุงพัฒนาและยกระดับความพร้อมของระบบโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่ส่วนกลางกำหนด และยื่นขอรับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับมณฑล และส่วนกลางตามลำดับต่อไป
ในส่วนหลัก ๆ ด่านหลงปังได้ดำเนินการรื้อถอนและก่อสร้างอาคารด่านพรมแดนหลังใหม่ทดแทนอาคารหลังเดิม เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการตรวจผู้โดยสารปีละ 1 ล้านคน/ครั้ง รวมถึงการก่อสร้างและปรับปรุงช่องทางขนส่งสินค้าน่าซี บนพื้นที่กว่า 230,000 ตารางเมตร ซึ่งในบริเวณดังกล่าวจะมีการจัดสรรพื้นที่ปฏิบัติงานต่าง ๆ อาทิ เขตการค้าสำหรับชายแดน (พื้นที่ใหญ่ที่สุดในจีน) เขตการค้าสากล (ครอบคลุมถึงการเป็นด่านนำเข้าผลไม้สดและธัญพืช) เขตอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน (Cross-border e-Commerce) และเขตสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Zone) ที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 ไทยและจีนได้ร่วมกันลงนามในพิธีสารฉบับใหม่ว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สาม โดย ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ขณะนั้น) เป็นผู้ลงนามร่วมกับนายหวัง ลิ่งจวิ้น (Wang Lingjun) รัฐมนตรีช่วยสำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน ผ่านระบบออนไลน์
เมื่อทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น โรคติดเชื้ออุบัติใหม่อย่างโควิด-19 ได้แพร่ระบาดและยืดเยื้อนานกว่า 3 ปี ส่งผลให้ความคืบหน้าในการก่อสร้างและยกระดับด่านหลงปัง (เขตฯ กว่างซีจ้วง จีน) และด่านจาลิงห์ (จังหวัดกาวบั่ง เวียดนาม) เป็นด่านสากลระหว่างประเทศต้องชะงักงัน จนกระทั่งช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2565 รัฐบาลจีนได้ส่งสัญญาณการผ่อนคลาย ‘กฎเหล็กโควิด’ อย่างค่อยเป็นค่อยไป และ ‘ปลดล็อกโควิด’ ในต้นเดือนมกราคม 2566 ช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจค่อย ๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมถึงการผลักดันงานพัฒนาด่านหลงปังที่เกี่ยวข้องด้วย
จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 คณะกรรมการตรวจรับจากส่วนกลางได้ลงพื้นที่สำรวจและประเมินความพร้อมของด่านหลงปังและช่องทางน่าซี และมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ให้การขยายและเปิดสู่ภายนอกของด่านหลงปังผ่านการตรวจรับจากส่วนกลางอย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 คณะกรรมการประชาชนจังหวัดกาวบั่ง เวียดนาม และรัฐบาลเมืองไป่เซ่อ เขตฯ กว่างซีจ้วง ได้ประชุมร่วมกันที่ด่านจ่าลิงห์ เพื่อหารือเกี่ยวกับการเตรียมการในพิธีประกาศยกระดับ “ด่านหลงปัง – ด่านจาลิงห์” เป็นด่านสากลอย่างเป็นทางการ รวมถึงช่องทางขนส่งสินค้าน่าซี – ช่องทางขนส่งสินค้านา ดอออง โดยกำหนดจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2566
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2566 จีน (เขตฯ กว่างซีจ้วง) – เวียดนาม (จ. กาวบั่ง) จัดพิธีประกาศยกระดับ “ด่านหลงปัง – ด่านจาลิงห์” ครอบคลุมถึงช่องทางขนส่งสินค้าน่าซี (Naxi) – นา ดอออง (Nà Đoỏng) เป็นด่านสากลระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ
โดยนางสาวเบญจมาศ ตันเวทยานนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง พร้อมด้วยนายนิติ ประทุมวงษ์ กงสุลฝ่ายพาณิชย์ ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง และนายปรัตถกร แท่นมณี กงสุลฝ่ายเกษตร ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ได้เข้าร่วมพิธีประกาศยกระดับ “ด่านหลงปัง-ด่านจาลิงห์” เป็นด่านสากลระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการด้วย
บีไอซี มีโอกาสได้ติดตามกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง ลงพื้นที่สำรวจศักยภาพของด่านหลงปัง เห็นว่า ด่านแห่งนี้มี “ระบบโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก” ที่ครบครัน ทันสมัย และเป็นสัดเป็นส่วน กล่าวคือ ด่านหลงปังที่เดิมใช้งานเพียงสำหรับการตรวจคนเข้าเมือง
ขณะที่การนำเข้า-ส่งออกสินค้าทั้งหมดจะใช้ช่องทางขนส่งสินค้าน่าซีที่มีความกว้างขวาง และเป็นสัดเป็นส่วน (4 พื้นที่ปฏิบัติงาน คือ การค้าทั่วไป การค้าชายแดน การค้าอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน และสินค้าทัณฑ์บน) ด่านแห่งนี้มีศักยภาพรองรับการขนถ่ายสินค้าได้ปีละ 5 ล้านตัน สามารถรองรับรถบรรทุกคอนเทนเนอร์ผ่านเข้า-ออกได้สูงสุด 1,500 คัน/วัน
ภายในบริเวณช่องทางขนส่งสินค้าน่าซีมีสวนอุตสาหกรรมแปรรูป และโรงงานเปล่าให้เช่า (ปัจจุบัน สร้างเสร็จแล้ว 3 แห่ง มีบริษัทแปรรูปถั่วเปลือกแข็งและยาสมุนไพรจีนเข้าจัดตั้งโรงงานมากกว่า 20 ราย) และในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวตากอากาศ รวมถึงส่วนต่อขยายของเส้นทางรถไฟจากในตัวเมืองของอำเภอระดับเมืองจิ้งซี ไปถึงบริเวณด่านหลงปังด้วย
จริง ๆ แล้ว กล่าวได้ว่า…. ด่านหลงปังเป็น “ต้นแบบ” ด่านทางบกอัจฉริยะของจีน ด่านแห่งนี้เป็นด่านทางบกแห่งแรกในจีนที่ได้ยกระดับระบบสารสนเทศและการจัดการอัจฉริยะ และมีการใช้งานจริงแล้ว โดยมีรัฐวิสาหกิจ Guangxi Longbang Jianfa Developmen Co.,Ltd. (广西龙邦建发发展有限公司) เป็นผู้บริหารจัดการด่านทั้งหมด (รัฐวิสาหกิจรายนี้ได้ซื้อกิจการบริหารด่านจากเอกชนรายเดิม Guangxi Jingxi Full Rich Investment Co.,Ltd./广西靖西万隆投资有限公司)
ความอัจฉริยะของด่านแห่งนี้ คือ การพัฒนาเทคโนโลยี 5G ปัญญาประดิษฐ์ (AI) บิ๊กดาต้า ร่วมกับอุปกรณ์อัจฉริยะในงานขนส่งตู้สินค้าบริเวณชายแดนและอากาศยานไร้คนขับ (Drone) ซึ่งกระบวนการควบคุมตรวจสอบสั่งการดำเนินการผ่านห้องควบคุมกลางทั้งหมด ซึ่งช่วยให้การทำงานมีความรวดเร็ว ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
อาทิ รถลำเลียงตู้คอนเทนเนอร์ไร้คนขับที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า (Intelligent Guided Vehicle–IGV) หุ่นยนต์ขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ หัวรถลากไฟฟ้าที่ใช้งานฉุกเฉิน รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ อย่างเช่น ไม้กั้นอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ระบุตัวตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ใช้ในการค้าสำหรับชายแดน) และเครื่องชั่งน้ำหนักรถบรรทุกแบบอิเล็กทรอนิกส์
ด้านการบริการพิธีการศุลกากร ได้นำโมเดลการดำเนินพิธีการศุลกากรแบบผสมผสานมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการ เช่น การยื่นสำแดงข้อมูลเอกสารสินค้าแบบล่วงหน้า การยื่นสำแดงข้อมูลเอกสารสินค้าแบบรวมในครั้งเดียว (สำหรับสินค้านำเข้า-ส่งออกที่แบ่งส่งหลายล็อต และสำหรับสินค้าหลายรายการที่รวมกันครั้งเดียว) ช่วยร่นเวลาในการปฏิบัติพิธีการศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้า-ส่งออกได้อย่างมาก
ด่านหลงปังได้ก่อสร้างอาคารตรวจสินค้าเกษตร และงานตรวจสอบกักกันโรคและแมลงศัตรูพืชที่ช่องทางขนส่งสินค้าน่าซีไว้นานแล้ว ทั้งลานสุ่มตรวจสินค้า ห้องปฏิบัติการตรวจคัดกรองศัตรูพืชชั้นต้น และห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์เชิงลึก โกดังควบคุมอุณหภูมิความเย็น 12,000 ตารางเมตร โกดังเก็บธัญพืช (ข้าว) 8,000 ตารางเมตร และโกดังแช่แข็ง 50,000 ตารางเมตร มีช่องจอดรถบรรทุก 26 ช่อง ห้องรมยา และศูนย์กำจัดสินค้าที่มีปัญหาโรคและแมลงศัตรูพืชกักกัน
เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 จีนได้นำเข้าเสาวรสสดเวียดนามล็อตแรก น้ำหนัก 20.67 ตัน ผ่านด่านหลงปัง (รูปแบบการค้าสำหรับชายแดน) เพื่อนำไปแปรรูปเป็นไซรัปเสาวรส และผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น ๆ (เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 สำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีนได้ประกาศอนุญาตให้ทดลองนำเข้าเสาวรสเวียดนามเพื่อการแปรรูปในพื้นที่ชายแดนเฉพาะด่านในกว่างซีเท่านั้น)
และเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 จีนได้นำเข้าทุเรียนสดเวียดนาม น้ำหนัก 20.12 ตัน มูลค่า 598,900 หยวน ผ่านด่านหลงปัง (รูปแบบการค้าสากล) เป็นครั้งแรก
บีไอซี ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “เมืองไป่เซ่อ” เป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ระเบียงการขนส่งเชื่อมทางบกกับทางทะเลแห่งภาคตะวันตก (New Western Land and Sea Corridor หรือ NWLSC) ที่รัฐบาลจีนมุ่งเน้นการก่อสร้างเพื่อพัฒนาและเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งสินค้าในภูมิภาคจีนตะวันตกให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ในบริบทที่ “เมืองไป่เซ่อ” ได้กำหนดตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์ให้เป็น ‘ข้อต่อ’ เชื่อมหัวเมืองสำคัญในจีนตะวันตกกับอาเซียน การขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก มีทางหลวงพิเศษ (Express way) จากชายแดนไปสู่เมืองต่าง ๆ ในกว่างซีและเชื่อมออกไปยังมณฑลอื่นได้หลายเส้นทางด้วยจุดเด่นที่มีระยะทางที่สั้น เช่น ระยะทางจากด่านหลงปัง-นครฉงชิ่ง ซึ่งสั้นกว่าการขนส่งผ่านด่านโหย่วอี้กวาน 200 กิโลเมตร) และเชื่อมต่อไปยังฝั่งเวียดนามได้สะดวกรวดเร็วด้วย ซึ่งปัจจุบัน ทางฝั่งเวียดนามได้เริ่มงานก่อสร้างทางด่วนเส้นทางจังหวัดดงดัง (Dong Dang) – จังหวัดกาวบั่ง (Cao Bang) แล้ว
การขนส่งสินค้าด้วยรถไฟ หลังจากสินค้าผ่านพิธีการศุลกากรที่ด่านหลงปังแล้ว จะต้องลากตู้สินค้าไปยังสถานีรถไฟขนส่งสินค้าที่อยู่บริเวณชานเมืองของเมืองไป่เซ่อ เพื่อขึ้นขบวนรถไฟไป่เซ่อ-อีฮ่าว (Baise No.1 / 百色一号) ซึ่งเป็นขบวนรถไฟ cold chain ที่ใช้ขนส่งพืชผักและผลไม้ป้อนตลาดจีนตอนเหนือเป็นประจำ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2556 ขบวนรถไฟดังกล่าวมีบริษัท Guangxi Baise Yihao Agriculture Development Co.,Ltd. (广西百色一号农业发展有限公司) เป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจร ทั้งการขนส่งและคลังสินค้าเย็น
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 เมืองไป่เซ่อได้เริ่มงานก่อสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมเมืองไป่เซ่อ – อำเภอหวงถ่ง มณฑลกุ้ยโจว เป็นช่วงระยะทางที่ยังขาดการเชื่อมต่อ ซึ่งจะช่วยให้การขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังนครฉงชิ่ง นครเฉิงตูมีระยะทางสั้น มีความรวดเร็ว และมีต้นทุนการขนส่งที่ถูก ซึ่งคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 2571
โอกาสสำหรับสินค้าผลไม้สดของไทย ปัจจุบัน ประเทศไทยสามารถส่งออกผลไม้ไปจีนมากถึง 22 ชนิด กล่าวได้ว่า… แม้ว่า “ด่านหลงปัง” จะมีระยะทางค่อนข้างไกลเมื่อเทียบกับด่านทางบกแห่งอื่นในพิธีสารฯ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า… “ด่านหลงปัง” เป็นอีกหนึ่งด่านที่มีความพร้อมรองรับการนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศ และเป็นอีก “ด่านทางเลือก” ที่น่าสนใจสำหรับผู้ส่งออกผลไม้ไทย โดยเฉพาะในฤดูกาลผลไม้ที่ผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความแออัดของรถบรรทุกผลไม้ของด่านหลัก โดยเฉพาะด่านทางบกโหย่วอี้กวาน ด่านตงซิง และด่านรถไฟผิงเสียงของเขตฯ กว่างซีจ้วง ด่านทางบกโม่ฮาน ด่านรถไฟโม่ฮานของมณฑลยูนนาน
สิ่งที่ผู้ประกอบการไทยต้องให้ความสำคัญ คือ คุณภาพและความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของผลไม้ไทย โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามมาตรฐานการผลิตปลอดภัยอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอน แหล่งกำเนิดต้องผ่านมาตรฐานการรับรองการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practice หรือ GAP) โรงงานแปรรูปต้องผ่านมาตรฐานการรับรองคุณภาพการผลิตของผู้ผลิต (Good Manufacturing Practice หรือ GMP) และต้องใช้บรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยไร้สารตกค้าง เพื่อสร้างความมั่นใจและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของผลไม้ไทยในสายตาจีน โดยเฉพาะในสถานการณ์การแข่งขันของผลไม้เมืองร้อนในตลาดจีนที่มีแนวโน้มดุเดือดมากยิ่งขึ้นจากการเปิดตลาดผลไม้สดของจีนให้แก่ชาติสมาชิกอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลไม้หลายชนิดในหลายประเทศมีลักษณะทับซ้อนกับผลไม้ไทย
ข่าวนี้รวบรวมโดย :SHUNNING HUANG